ในปี 2024 นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการเทคโนโลยี หลังจากการปรากฏตัวของ OpenAI และ ChatGPT ที่ผลักดันให้ AI ก้าวเข้าสู่ยุคทองอย่างเต็มตัว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างแข่งขันกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หวังครองบัลลังก์ผู้นำในตลาด AI ที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด มาดูกันว่า 8 บริษัทชั้นนำในวงการเทคโนโลยี กำลังทำอะไรกันอยู่ในปีนี้
OpenAI ผู้นำ GPT และ AI แห่งอนาคต
OpenAI ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในด้าน Large Language Models (LLMs) อย่างไม่มีใครเทียบ ด้วยการเปิดตัว “GPT-4o” เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โมเดลใหม่นี้สามารถโต้ตอบได้เสมือนมนุษย์มากยิ่งขึ้น และที่น่าตื่นตาตื่นใจไปกว่านั้นคือความสามารถในการรับข้อมูลผ่านทั้งข้อความ ภาพ และเสียง ทำให้เราสามารถสนทนากับ GPT ด้วยเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดย GPT สามารถวิเคราะห์อารมณ์ความรู้สึก และปรับน้ำเสียงตอบกลับได้ตามบริบท นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้กล้องเพื่อโต้ตอบแบบเรียลไทม์อีกด้วย
ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม ทาง OpenAI ทดลองเปิดตัว SearchGPT ตัวแปรใหม่ที่จะเตรียมเขย่าวงการ Search Engine ในตลาด โดย SearchGPT จะใช้ความสามารถของฐานข้อมูลของ OpenAI ทำให้ได้ผลลัพธ์การค้นที่ Real-time มาพร้อมกับการทำความเข้าใจผู้ใช้ วิเคราะห์ความต้องการ และนำเสนอข้อมูลจากการค้นหา อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ SearchGPT ยังคงเป็น Prototype ที่กำลังทดสอบระบบอยู่ยังไม่สามารถเปิดให้ใช้งานได้ทั่วไป ผู้ที่สนใจต้องติดตามข่าวสารการใช้งานอีกทีในวันหน้า ๆ
Google จาก Search Engine สู่ AI Empire
ในขณะที่ OpenAI มี GPT Google ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการเปิดตัว “Gemini” LLM ซึ่งจะเป็นแม่ทัพหลักในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ AI ของบริษัท นอกจากการพัฒนาโมเดลแล้ว Google ยังเปิดตัวแพลตฟอร์ม Google Cloud Vertex AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน GCP สามารถทดลองใช้โมเดล AI ของ Google ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ทำให้การสร้างแชทบอทส่วนตัวเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้
Google ยังได้ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับ Search Engine ของตน โดยใช้ Generative AI ในการสรุปคำตอบจากการค้นหา ทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ต้องการอย่างรวดเร็วและตรงประเด็น นอกจากนี้ ยังมีการประยุกต์ใช้ AI กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ใน Ecosystem ของ Google อีกด้วย
Microsoft การผสาน AI กับซอฟต์แวร์ระดับโลก
Microsoft เปิดตัว “Copilot” Generative AI ที่พร้อมเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะของคุณ โดยผสานเข้ากับ Officce 365 ผู้ใช้สามารถใช้ AI ช่วยในการเขียน วิเคราะห์ข้อมูล สร้างตารางงาน และจัดทำงานนำเสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของ Azure ยังมี Azure AI Studio ชุดเครื่องมือพัฒนาโมเดล AI แบบครบวงจร ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถพัฒนาและปรับใช้โซลูชัน AI ได้สะดวกยิ่งขึ้น
Nvidia ขุมพลัง AI ในโลก Hardware
Nvidia ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในการผลิต GPU ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการประมวลผล AI ในปี 2024 บริษัทได้เปิดตัว GPU รุ่นใหม่ “Blackwell” ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ Nvidia ยังได้พัฒนา NVIDIA AI Enterprise แพลตฟอร์มเฉพาะทางสำหรับนักพัฒนา AI ช่วยให้การสร้างและฝึกฝนโมเดล AI ทำได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น และอีกหนึ่งนวัตกรรมคือแพลตฟอร์ม NVIDIA NIM ที่เอื้อให้นักพัฒนาสามารถนำ Generative AI ไปต่อยอดได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
IBM Watson และ AI เพื่อธุรกิจ
IBM ยังคงพัฒนาต่อยอดจาก Watson สู่แพลตฟอร์ม Watsonx ซึ่งออกแบบมาเพื่อสนับสนุนองค์กรในการพัฒนาและใช้งานโมเดล AI อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Watsonx ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก
- watsonx.ai สำหรับการพัฒนาโมเดล AI
- watsonx.data สำหรับการจัดการข้อมูล
- watsonx.governance สำหรับการกำกับดูแลและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ AI
แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและใช้งาน AI ได้ง่ายขึ้น โดยมีเครื่องมือครบครันสำหรับการฝึกฝนโมเดล จัดการข้อมูล และติดตามประสิทธิภาพการทำงานของ AI ทำให้การนำ AI มาใช้ในองค์กรเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
AWS Cloud และ AI สำหรับทุกองค์กร
Amazon Web Services (AWS) ได้ขยายบริการ AI และ Machine Learning บนคลาวด์ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเน้นการทำให้เทคโนโลยี AI เข้าถึงได้ง่ายสำหรับองค์กรทุกขนาด AWS ได้เปิดตัวเครื่องมือ AI ที่ใช้งานง่ายหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น
- Amazon Q Generative AI ที่พร้อมสำหรับการพัฒนาต่อยอด
- Amazon Bedrock คลังรวบรวม pre-trained AI ที่ใช้งานผ่าน API ช่วยให้พัฒนา AI ได้โดยไม่ต้องฝึกฝนโมเดลเอง
- Amazon SageMaker แพลตฟอร์มครบวงจรสำหรับการสร้าง ฝึกฝน และใช้งานโมเดล Machine Learning
นอกจากนี้ AWS ยังนำเสนอบริการ AI แบบ Serverless ที่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับขนาดการใช้งาน AI ได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูล การสร้างแชทบอท และการประมวลผลภาษาธรรมชาติเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกองค์กร
Meta AI ใน Social Media และ Metaverse
Meta (เดิม Facebook) ได้นำ AI มาพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้ทั้งบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและในโลก Metaverse ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์และเข้าใจเนื้อหาที่ผู้ใช้โพสต์ได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้การแสดงโฆษณาและเนื้อหาที่เกี่ยวข้องมีความแม่นยำสูงขึ้น
ในโลก Metaverse Meta ใช้ AI สร้างอวตารที่สมจริง และพัฒนาระบบแปลภาษาแบบเรียลไทม์ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้จากทั่วโลกสื่อสารกันได้อย่างไร้พรมแดน
นอกจากนี้ Meta ยังได้เปิดตัว LLMs Open Source รุ่นใหม่อย่าง Llama 3 ซึ่งถูกนำไปใช้กับ Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger พร้อมทั้งเปิดตัว Meta AI ซึ่งเป็น Generative AI ที่พร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัว แม้ว่าจะยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทยก็ตาม
Apple AI ในระบบนิเวศแบบปิด
ในปี 2024 Apple มุ่งมั่นพัฒนา AI หรือที่พวกเขาเรียกว่า “Apple Intelligence” เพื่อใช้ใน Ecosystem ของตนเอง โดยยึดมั่นในหลักการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นสำคัญ ซึ่งจะปล่อยให้ใช้งานภายในปีนี้
Siri ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ ให้เข้าใจบริบทและตอบสนองต่อคำสั่งที่ซับซ้อนได้อย่างชาญฉลาด กลายเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวันที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเขียน แจ้งเตือน หรือสรุปอีเมล นอกจากนี้ Apple ยังได้พัฒนา AI สำหรับการประมวลผลภาพและวิดีโอบนอุปกรณ์ iOS และ Mac ทำให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขและปรับแต่งภาพได้อย่างมืออาชีพแบบง่ายๆ
บทสรุป
ในปี 2024 เราได้เห็นการแข่งขันที่เข้มข้นในวงการ AI โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 8 แห่งต่างมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี AI เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้และองค์กรต่างๆ OpenAI ยังคงเป็นผู้นำในด้าน LLMs ในขณะที่ Google, Microsoft และ Meta ผสาน AI เข้ากับบริการหลักของตน Nvidia ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในด้านฮาร์ดแวร์สำหรับ AI ส่วน IBM และ AWS ต่างมุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนา AI ครบวงจร ในขณะที่ Apple ยังคงพัฒนา AI เพื่อใช้ภายใน Ecosystem ของตนเอง
การพัฒนา AI อย่างรวดเร็วนี้ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราใช้เทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อวิธีที่เราทำงาน เรียนรู้ และมีปฏิสัมพันธ์กัน ในอนาคตอันใกล้ เราอาจเห็นการหลอมรวมของเทคโนโลยี AI จากบริษัทต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้าง AI Ecosystem ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในด้านจริยธรรม ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของ AI ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกบริษัทต้องให้ความสำคัญและร่วมมือกันแก้ไขต่อไป
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวในวงการ AI อย่างไรก็ตามหากคุณสนใจอยากปรึกษา พูดคุยถึงการนำเอา AI เข้ามาใช้ในองค์กรของคุณ ทาง Hugeman Consultant ยินดีให้คำปรึกษา หากคุณกำลังมองหา AI มาใช้ในการบริหารธุรกิจ เราขอแนะนำ DataMind จาก Hugeman Consultant แพลตฟอร์มที่จะช่วยคุณวิเคราะห์ข้อมูลและให้คำแนะนำด้วย AI อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับทุกธุรกิจที่ต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ให้สูงสุด
มีข้อสงสัยหรือสนใจปรึกษาเรื่อง Technology, AI และ Innovation สามารถสอบถามข้อมูลกับทีมงาน ติดต่อเรา HUGEMAN Consultant ได้ที่ hello@hugeman.co หรือ +66(0)83-232-9265 ยินดีให้คำแนะนำเสมอค่ะ